Casting director
แคสติ้ง ไดเร็คเตอร์
เปิดเรื่องมาก็มีผู้กำกับคนหนึ่งมาbrief งานให้เราฟัง เล่าเรื่องราวของProduct ตัวหนึ่งอย่างออกรสซึ่งมีตัวแสดงอยู่ในนั้นมากบ้างน้อยบ้าง เราฟังแล้วก็ จินตนาการนึกหน้าตา แล้วก็ออกตามหาคนคนนั้น ...
หน้าที่ของ Casting Director
เนื่องจากตัวแสดงเป็นส่วนประกอบที่สำคัญส่วนหนึ่งในหนังโฆษณา ตัวเรื่องของโฆษณาที่คิดมาดีแล้วก็ย่อมต้องการตัวแสดงที่สามารถถ่ายทอดเรื่องออกมาได้ดี เหมาะสมกับบท เหมาะสมกับคาแรคเตอร์ เหมาะสมกับ Brand imageของลูกค้า(ภาพลักษณ์ของแบรนด์ เช่น สะอาด อบอุ่น หรือลุยๆ เป็นต้น)
เพราะฉะนั้นการที่จะสามารถมีตัวแสดงที่ดีมาเล่นได้ จึงจำเป็นต้องมีแคสติ้งที่สามารถหาคนมาให้เหมาะสม ซึ่งหน้าที่นี้สำคัญมาก และต้องละเอียดมาก เพราะองค์ประกอบของคำว่า "นักแสดงที่เหมาะสมกับบท" ประกอบไปด้วยหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง หน้าตา ฝีมือการแสดง จนถึงในเรื่องส่วนตัวในบางบทเช่น ถ้ามาเล่นโฆษณารณรงค์ไม่ให้สูบบุหรี่ก็ไม่ควรเป็นคนที่สูบบุหรี่เป็นต้น ดังนั้นหากขาดหน้าที่นี้ไปก็อาจทำให้ผลงานที่ออกมาไม่สมบูรณ์เท่าที่ควรได้
1. รับบรีฟจากทีมงานว่าต้องการตัวแสดงแบบใด
2. ส่งบรีฟรายละเอียดที่ต้องการให้โมเดลลิ่ง
3. ทำ Pilot Casting หรือตัวอย่างการแคสเพื่อให้ความเข้าใจระหว่างแคสติ้งกับผู้กำกับตรงกัน
4. คัดเลือกรูปที่ตรงคาแรคเตอร์จากที่โมเดลลิ่งส่งมา หรือจากที่ใดก็ได้ที่เราเห็นว่าเหมาะสมกับคาแรคเตอร์
5. ขายรูปตัวแสดงที่เลือกไว้ให้ผู้กำกับดู เพื่อเช็คว่าเข้าใจคาแรคเตอร์ตรงกันหรือไม่
1. โทรตามแบบที่ต้องการมาทำการเทสต์หน้ากล้อง โดยบอกรายละเอียดเกี่ยวบทที่เขาต้องแสดง ค่าตัว และคิวถ่าย
2. ทำเทสต์หน้ากล้อง
3. ควบคุมการตัดต่อโดยบอกความต้องการกับ Casting Technician หรือฝ่ายตัดต่อเทปแคส
4. ขายไฟล์ที่ตัดต่อแล้วกับผู้กำกับ
5. Confirm ตัวแสดงที่ได้
6. นัดหมายแบบมาลองเสื้อผ้าก่อนการถ่าย ( Fitting )
1. นัดคิวสถานที่และเวลากับนักแสดง
2. ในวันถ่ายจริง หน้าที่ของแคสติ้งก็คือคอยดูแลนักแสดง รวมถึงการช่วยบรีฟแอคติ้งด้วย
โดย พี่ต่อธนญชัย ศรศรีวิชัย ผู้กำกับที่castingเก่งที่สุดในโลก !!
เลือกเปิดคลิปเลยค่ะ
ในคลิป พี่ต่อ ผู้กำกับคนเก่งของเราได้ให้คำแนะนำที่ดีไว้ถึงการเป็น casting ที่ดี
"สิ่งที่ Casting ต้องทำคือ หาตัวแสดงที่ตรงบทกับสิ่งที่ Script มันต้องการ Script หรือหนังที่ต้องการ บางคนอาจเข้าใจผิดว่า เป็นสิ่งที่ผู้กำกับต้องการ ไม่ใช่ คือหนังต้องการ เพราะฉะนั้นคนทำงาน Casting เนี๊ยก็จะต้องหาตัวแสดงที่ถูกต้องและสามารถเล่นในบทบาทที่หนังต้องการได้อย่างดี "
ติดตามสิ่งที่พี่ต่อแนะนำได้เลยค่ะ
เพราะฉะนั้นการที่จะสามารถมีตัวแสดงที่ดีมาเล่นได้ จึงจำเป็นต้องมีแคสติ้งที่สามารถหาคนมาให้เหมาะสม ซึ่งหน้าที่นี้สำคัญมาก และต้องละเอียดมาก เพราะองค์ประกอบของคำว่า "นักแสดงที่เหมาะสมกับบท" ประกอบไปด้วยหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง หน้าตา ฝีมือการแสดง จนถึงในเรื่องส่วนตัวในบางบทเช่น ถ้ามาเล่นโฆษณารณรงค์ไม่ให้สูบบุหรี่ก็ไม่ควรเป็นคนที่สูบบุหรี่เป็นต้น ดังนั้นหากขาดหน้าที่นี้ไปก็อาจทำให้ผลงานที่ออกมาไม่สมบูรณ์เท่าที่ควรได้
ช่วงก่อนทำเทสต์หน้ากล้อง ( Pre Casting)
1. รับบรีฟจากทีมงานว่าต้องการตัวแสดงแบบใด
2. ส่งบรีฟรายละเอียดที่ต้องการให้โมเดลลิ่ง
3. ทำ Pilot Casting หรือตัวอย่างการแคสเพื่อให้ความเข้าใจระหว่างแคสติ้งกับผู้กำกับตรงกัน
4. คัดเลือกรูปที่ตรงคาแรคเตอร์จากที่โมเดลลิ่งส่งมา หรือจากที่ใดก็ได้ที่เราเห็นว่าเหมาะสมกับคาแรคเตอร์
5. ขายรูปตัวแสดงที่เลือกไว้ให้ผู้กำกับดู เพื่อเช็คว่าเข้าใจคาแรคเตอร์ตรงกันหรือไม่
ช่วงเทสต์หน้ากล้อง ( Casting )
1. โทรตามแบบที่ต้องการมาทำการเทสต์หน้ากล้อง โดยบอกรายละเอียดเกี่ยวบทที่เขาต้องแสดง ค่าตัว และคิวถ่าย
2. ทำเทสต์หน้ากล้อง
3. ควบคุมการตัดต่อโดยบอกความต้องการกับ Casting Technician หรือฝ่ายตัดต่อเทปแคส
4. ขายไฟล์ที่ตัดต่อแล้วกับผู้กำกับ
5. Confirm ตัวแสดงที่ได้
6. นัดหมายแบบมาลองเสื้อผ้าก่อนการถ่าย ( Fitting )
ออกกอง
1. นัดคิวสถานที่และเวลากับนักแสดง
2. ในวันถ่ายจริง หน้าที่ของแคสติ้งก็คือคอยดูแลนักแสดง รวมถึงการช่วยบรีฟแอคติ้งด้วย
คุณสมบัตที่ดีของCasting ในมุมมองของผู้กำกับ
เลือกเปิดคลิปเลยค่ะ
ในคลิป พี่ต่อ ผู้กำกับคนเก่งของเราได้ให้คำแนะนำที่ดีไว้ถึงการเป็น casting ที่ดี
"สิ่งที่ Casting ต้องทำคือ หาตัวแสดงที่ตรงบทกับสิ่งที่ Script มันต้องการ Script หรือหนังที่ต้องการ บางคนอาจเข้าใจผิดว่า เป็นสิ่งที่ผู้กำกับต้องการ ไม่ใช่ คือหนังต้องการ เพราะฉะนั้นคนทำงาน Casting เนี๊ยก็จะต้องหาตัวแสดงที่ถูกต้องและสามารถเล่นในบทบาทที่หนังต้องการได้อย่างดี "
ติดตามสิ่งที่พี่ต่อแนะนำได้เลยค่ะ